ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาท ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการที่ซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องศึกษา และพาตัวเองเข้าสู่การตลาดยุคดิจิทัลให้ได้ เพื่อให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะถ้าใครที่กำลังจะทำการตลาดออนไลน์ในประเทศจีน ถือว่าคุณกำลังมาถูกทาง เพราะนับว่าเป็นแหล่งเงินที่มีจำนวนมหาศาลรอให้คุณไปคว้ามาอย่างง่ายๆ ถ้าคุณมีแนวทางการค้าขายที่ถูกต้อง
เนื่องจากการซื้อขายผ่านสื่อออนไลน์ของประเทศจีนถือว่ากำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการสื่อขายบนโลกออนไลน์เป็นอันดับ
2 ของโลก จากปี 2011
และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกแห่งการค้าออนไลน์ต้องยกให้กับจีน
ถ้าท่านใดคิดจะขายของออนไลน์ก็ต้องตามให้ทัน
อย่าหลุดเทรนเด็ดขาด เพราะเรากำลังจะนำเสนอตลาดออนไลน์จีนให้ทุกท่านได้รู้ว่าในปัจจุบันมีใครบ้างที่เป็นเจ้าของตลาดยักษ์ใหญ่ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจ น่าลงทุนบ้าง
1.Alibaba Group ผู้มีระบบออนไลน์ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน ปัจจุบันมีเครื่องมีให้เราขายปลีก ขายส่ง มากมาย วันนี้จะหยิบยกบางส่วนมาแนะนำทุกท่าน เพราะถือว่าเป็นที่นิยมกันมากๆก็ว่าได้
1.1 Tmall คือ เว็บไซต์การขายปลีกจากผู้ขายที่ต้องการมีการจดทะเบียนการค้า
มีการยืนยันตัวตน และมีข้อกำหนดมากมาย เช่น ต้องมีใบยืนยันการขายสินค้าของแบรนด์ต่างๆ
มีทุนจดทะเบียน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายราวๆหลักแสน
ถ้าสนใจก็ต้องลองศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
1.2 Taobao คือ เว็บไซต์ที่ใครก็สามารถเปิดร้านค้าได้
สามารถสมัครฟรี ขายได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่คุณมี passport ซึ่งกลุ่มตลาดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขายปลีกกันเอง
หรือไม่ได้จดทะเบียนบริษัทแบบจริงจัง
1.3
1688.com คือ
เป็นเว็บไซต์ศูนย์รวมการค้าส่งสำหรับคนจีนด้วยกันเอง เงื่อนไขการเปิดร้านในนี้
ต้องมีเอกสารการจดทะเบียนบริษัทในประเทศจีน และมีเงินประกันต่างๆมากมาย ซับซ้อน
และยังไม่รับคนต่างชาติ แต่ก็ถือว่ามีขนาดใหญ่ คนใช้บริการเยอะ ศึกษาไว้ไม่เสียหาย
อนาคตอาจจะเปิดรับแม่ค้าออนไลน์อย่างเราๆก็ได้นะ
1.4
alibaba คือ เว็บไซต์ขายของแบบค้าส่ง รวมหลายๆประเทศ ตอนนี้ที่ประเทศไทยก็สามารถเปิดบัญชี
Gold suoolier กับบริษัท คราวน์ แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ
AJ ได้แล้วเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท
2.กลุ่มของ Tencent คือ สมัยก่อนเคยเป็นผู้ให้บริการ QQ ที่เป็นการสื่อสารด้วยข้อความพร้อมส่งไฟล์เอกสารได้ด้วย
ต่อมาก็มีการพัฒนา Wechat เพิ่มขึ้นมา ตอนนี้เขาสร้างระบบ e-commerce
มากขึ้น โดยมีการจ่ายเงินผ่าน WeChat Wallet ได้แล้วด้วย
3.
JD.com คือ เป็นกลุ่มค้าปลีกที่มี platform คล้ายๆ
lazada โดยคุณสามารถนำสินค้าไปเสนอขายได้ใน platform ของเขาได้เลย เขาก็จะหักค่าเปอร์เซ็นต์จากราคาปลีก หรือเรียกง่ายๆ
คือหักค่า GP ดังนั้นการมีโกดังเก็บสินค้าที่ประเทศจีนไว้สำหรับเวลาส่งของ
โดยเฉพาะสินค้าที่ขายดีที่สุด คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องสำอาง
ถ้าใครสนใจก็สอบถามหรือติดต่อได้ที่ international@jd.com
4.VIP.com
คือ ผู้ให้บริการ e-commerce สำหรับคนที่ต้องการนำสินค้าจากไทยไปขายจีน
เว็บนี้จะคล้ายๆ coupon.com ที่จะมีการลดราคาสินค้าอยู่ตลอดเวลา
มีผู้ใช้งานต่อวันอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบัญชี
คนที่เข้ามากกว่า 70% จะสั่งซื้อสินค้าจากเว็บนี้แน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น
ล้วนเป็นช่องทางออนไลน์ที่จะช่วยขยายช่องทางการขาย
เพื่อให้ทุกๆท่านได้หอบเงินหยวนกลับมาอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามท่านที่จะทำตลาดให้ออนไลน์ในจีนก็ลองเลือกช่องทางไหนที่เหมาะกับสินค้าของคุณ
อย่างไรก็ตามก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ ต้องเรียนรู้ถึงกระบวนการอย่างรอบคอบ
เพราะการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง
ถ้าท่านใดยังอยากที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากวันนี้
อยากเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็ลองไปสอบถามข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม คุณจะได้ เฮ็งๆ ปังๆ รวยๆ แน่นอน กดไปที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยนะ
อย่ามัวรอช้า...รีบไปสอบถามกันได้เลย!!! ถามก่อน รวยก่อน รู้ช่องทางการขายออนไลน์ที่จีนก่อน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น