ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หัวเว่ย!!! เป็นบริษัทที่มีการจดสิทธิบัตรมากที่สุดในประเทศจีน


วันนี้นำบทความดีๆมาฝากทุกๆท่าน สำหรับความสำเร็จของหัวเว่ย ด้านนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ที่มีสิทธิบัตรมากเป็นอันดับ 1 ของจีน และประเทศจีนก็เป็นประเทศที่มีการจดสิทธิบัตรสูงที่สุดแซงหน้าประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2015 และคงไม่มีชาติใดสามารถต้านไว้ได้....
สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติจีน (China National Intellectual Property Administration: CNIPA) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทที่มีการจดสิทธิบัตรมากที่สุดในจีนได้แก่...
อันดับ1 บริษัทหัวเว่ย มีสิทธิบัตรจำนวน 2,300 รายการ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศจีน
อันดับ 2 บริษัท Sinopec มีสิทธิบัตรจำนวน 1,600 รายการ
อันดับที่ 3 คือ บริษัท BBK Electronics หรือบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ Oppo และ VIVO ที่มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองตงก่วน มีสิทธิบัตรจำนวน 1,300 รายการ
นายหู เหวินฮุย (Hu Wenhui) โฆษกของ CNIPA บอกว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีบริษัทยื่นขอสิทธิบัตรในจีนจำนวน 649,000 รายการ ลดลงร้อยละ 9 อย่างไรก็ดี สิทธิบัตรที่ได้รับอนุมัติคิดเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 37 ของคำขอจดสิทธิบัตรทั้งหมด
ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นสิทธิบัตรด้านอุปกรณ์กึ่งตัวนำ (semiconductor) และการออกแบบแผงวงจรรวม (IC design) มีจำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46 ของสิทธิบัตรที่ยื่นขอทั้งหมด
นายเก๋อ ซู (Ge Shu) ผู้อำนวยฝ่ายยุทธศาสตร์และการวางแผน CNIPA เปิดเผยว่า ในระหว่างช่วงเดียวกันนี้ก็ยังมี บริษัทต่างชาติยื่นขอจดสิทธิบัตรกับ CNIPA สูงถึง 78,000 รายการ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยจำแนกได้ดังนี้...
ประเทศญี่ปุ่นยื่นขอจดสิทธิบัตรมากเป็นอันดับ 1
(เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6)
บริษัทจากสหรัฐอเมริกามากเป็นอันดับ 2
(เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4)
บริษัทจากเยอรมนีมากเป็นอันดับ 3
(เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6)
ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีในจีนให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรมและลดการพึ่งพาต่างชาติมากขึ้น การสร้างนวัตกรรมจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้บริษัทเทคโนโลยีจีนประสบความสำเร็จ
ข้อมูล : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง
จะเห็นได้ชัดว่าประเทศจีน เป็นประเทศที่มีการจดสิทธิบัตรสูงที่สุดแซงหน้าประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2015 และในอนาคตจีนมีแผนพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อก้าวเข้าสู่ยุทธศาสตร์ Made in China 2025
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมภายใต้แนวคิดผลักดันการผลิตด้วยนวัตกรรมชั้นสูงที่มุ่งสร้างคุณภาพมากกว่าปริมาณ การผลิตที่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้าจีน การบ่มเพาะบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวม และการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนาในอนาคตทั้งหมด 10 อย่าง ได้แก่...
1.อุตสาหกรรมสารสนเทศ ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีความเร็วสูง
2.อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์อัจฉริยะ
3.อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินและยานอวกาศ
4.อุตสาหกรรมนวัตกรรมการต่อเรือ
5.อุตสาหกรรมการผลิตรถไฟ
6.อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์
7.อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์พลังงาน
8.อุตสาหกรรมการเกษตร
9.อุปกรณ์การผลิตวัตถุดิบใหม่
10.อุตสาหกรรมทางการแพทย์
ซึ่งการพัฒนาดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อหลายๆประเทศ และต้องมีการปรับกลยุทธ์ ปรับแผนพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องต่อประเทศมหาอำนาจอย่างจีนได้ในอนาคต...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทำความรู้จัก Meituan-Dianping ของเมืองจีน

หลายๆคนชอบถามเรื่องการตลาดผ่าน Meituan-Dianping วันนี้เรามาลองดูว่าเจ้า"เตียนผิง"มีจุดเด่นอะไรบ้างที่เราจะสามารถไปทำตลาดในนั้นได้...ทีมงานเอาความรู้แบบสรุปให้เห็นภาพได้ชัดเจนเกี่ยวกับเตียนผิงมาฝากทุกๆท่านค่าาาาา Meituan-Dianping ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอพพลิเคชั่นธรรมดา แต่คือ super app ของเมืองจีน ซึ่งครอบคลุมทุกบริการภายในแอพฯเดียว เช่น สินค้า ร้านค้า บริการ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงการสั่งอาหาร และจองตั๋วหนัง เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่รวบรวมดีลส่วนลดสำหรับร้านค้าไว้อีกมากมาย Meituan-Dianping คือ แพลตฟอร์มที่ให้บริการครบวงจร และถูกจัดอันดับอยู่ใน Top 3 app in FIT market เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เน้น Experience ของผู้บริโภคจากการไปใช้บริการในร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว และมาแชร์ประสบการณ์หรือความประทับใจจากการไปใช้บริการ เมื่อก่อนการรีวิวไม่ใช่การจ้างคนดังมารีวิว แต่!!!ในปัจจุบัน การรีวิวย่อมมาคู่กับการตลาดผ่านคนดัง ที่จ้างมารีวิว เพื่อสร้างความน่าสนใจให้คนจีนรู้จักเพิ่มมากขึ้น สรุปง่ายๆถ้ารีวิว Real User 90% อีก 10%KOLหรือคนดังมารีวิว เพื่อเป็

ส่งออกสินค้าไปจีน

คอร์สส่งออกจีน บุกตลาดจีนให้ดัง ปังแบบแบรนด์ใหญ่          หากคุณมีสินค้าหรือบริการอยู่แล้ว ธุรกิจที่น่าสนใจอีกอย่างนึงเลยก็คือ "การส่งออกสินค้าไปจีน" อยากรวย อยากขายของกับคนจีน สร้างรายได้ให้มากขึ้น การส่งออกสิน้คาไปจีนนั้น เป็นอีกทางเลือกที่น่าจับตามอง คอร์สส่งออกจีน บุกตลาดจีนให้ดัง ปังแบบแบรนด์ใหญ่ยุค4.0 ⏩อยากรู้วิธีการทำการตลาดและแบรนด์ดิ้ง แบบแบรนด์ดัง ⏩อยากขายของไปจีนแต่ไม่รู้ทำยังไง ⏩อยากได้ลูกค้าจีนแต่ไม่รู้ทำยังไง ⏩อยากได้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาใช้บริการและซื้อสินค้า จะทำไงดี ⏩ไม่รู้จะขายอะไรไปจีนดี อะไรที่คนจีนชอบ ⏩มีสินค้าแล้ว แต่อยากส่งออกไปขายจีน ⏩อยากขยายฐานลูกค้าไปจีน เบื่อเต็มทีกับการขายสินค้าให้คนไทยเพียงกลุ่มเดียว ⏩อยากทำการตลาดแบบแบรนด์ใหญ่ แต่ไม่มีเงินจ้างเอเจนซี่ราคาแพง ⏩อยากหาตัวแทนขายสินค้าในประเทศจีน ⏩อยากรู้วิธีทำการตลาดออนไลน์ไม่ต้องบินไปเปิดบู้ทในจีน ค่าใช้จ่ายเปิดบู้ทต่างประเทศเยอะมาก ⏩อยากรู้วิธีส่งสินค้าไปจีนต้องทำยังไงบ้าง ⏩อยากมีกระเป๋าเงิน Alipay, Wechat Pay ไว้รับเงินนักท่องเที่ยวจีน ในคอร์สนี

อาหารไทยที่คนจีนชอบกินและขาดไม่ได้ที่จะซื้อกลับบ้าน

         อาหารไทยที่คนจีนโปรดปรานมากๆ หากคราใดที่ได้มาเยือนเมืองไทยไม่มีพลาดที่จะลิ้มรส  คือ ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ส่วนของหวานก็จะเป็น ข้าวเหนียวมะม่วง  นอกจากนี้  สาหร่ายอบกรอบคนจีนก็ยิ่งชอบกินมากๆ เป็นของฝากที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวไทยต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน   ถ้าหากไปตามร้านซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านสะดวกซื้อ ก็จะเจอคนจีนส่วนใหญ่เลือกซื้อสาหร่ายอบกรอบ       และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ ทุเรียนแห้งของไทย  คนจีนชอบกินทุเรียนเป็นอย่างมาก  เพราะคนจีนรู้สึกว่า ทุเรียนของเมืองไทยอร่อยที่สุด  มีคนจีนจำนวนมากที่มาเที่ยวไทยก็ต้องซื้อทุเรียนอบแห้งกลับบ้านไปด้วย By : Rossarin Chavathavorncharoen RozzeChineseExpert