Chad Pollitt นักเขียนและนักทำคอนเทนต์มาร์เกตติ้ง ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Relevance เว็บไซต์ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับคอนเทนท์โปรโมชั่น ข่าว และอินไซต์ต่างๆ ด้วยหลักการที่ว่านั้นเรียกว่า ‘K-I-S-S’ (Keep It Simple Stupid)
Pollitt บอกว่าแนวคิดนี้ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังและมันถูกใช้ในหลายๆ สถานการณ์ จึงรวบรวมมันและมาแชร์ให้ฟังในมุมของการนำเอาไปใช้ในด้านคอนเทนต์มาร์เกตติ้งการเขียนและการตลาดด้านเนื้อหา โดยหลักดังกล่าวสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้…
- Tell them what you’re going to tell them
- Tell them what you told them you were going to tell them
- Tell them what you told them
- Tell them what to do next
โดยแต่ละหัวข้อมีรายละเอียดให้ทุกท่านได้ลอง ศึกษาและนำเอาไปใช้ดังต่อไปนี้…
1. Tell them what you’re going to tell them “หัวข้อต้องเลิศ”
หรือเราคุ้นหูกันดีว่า…การเปิด “หัวข้อ” ในส่วนนี้ผู้เขียนต้องดึงดูดความสนใจผู้อ่านให้ได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ดึงคนเข้ามาอ่านด้วยหัวข้อเรื่องได้แล้ว ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปไม่ได้หรือหัวข้อของคุณไม่ดูไม่น่าสนใจเอาซะเลย เนื้อหาส่วนอื่นๆ ก็อย่าหวังว่าผู้อ่านจะได้เห็นเนื้อหาด้านในที่คุณเขียนมันอย่างตั้งใจ และนี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสี่ส่วนของหลักการ K.I.S.S. กับคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งในยุค 4.0โดยคุณต้องคำนึงว่า….
- สิ่งที่ควรอยู่ในพาร์ทแรกนี้คือการบอกผู้อ่านในสิ่งที่เขาต้องการอ่าน
- เขาจะได้อะไรจากการอ่านคอนเทนต์นี้
- ปัญหาอะไรกำลังถูกแก้ไข?
- มีเรื่องน่ารู้อะไรสำหรับพวกเขา?
- หากผู้เขียนสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ และมันเป็นเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายสนใจพอดี ส่วนแรกของหลักการนี้ก็สมบูรณ์แบบที่สุดในจักวาลนี้
ในแง่ของการเขียนเพื่อธุรกิจ อย่าลืมว่าธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วขายของ หรือถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ดังนั้น คอนเทนต์ของคุณควรเขียนให้มันสะท้อนถึงการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีคุณภาพ
2. Tell them what you told them you were going to tell them “เนื้อความต้องดี”
ในส่วนนี้…ผู้เขียนต้องมีเนื้อหาด้านในที่มีคุณภาพ เพื่อพิสูจน์สิ่งที่บอกไว้ในหัวข้อแรกให้ได้อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา สามารถตอบคำถามของกลุ่มเป้าหมายของคอนเท้นของคุณได้ดี และหากคุณทำส่วนนี้ได้ดีจนคนอ่านรู้สึกว่า เอ้อ มันมีประโยชน์กับเขาจริงๆ เขาจะยังคงติดตามคุณเพื่ออ่านคอนเทนต์นั้นๆ ต่อไปเรื่อยๆ แต่!!!ย้ำอีกครั้งว่า…เนื้อหาส่วนนี้จะต้องให้คุณค่าบางอย่างตามที่บอกเอาไว้ในตอนแรกให้ได้ ไม่ใช่หัวข้ออย่างนึง เนื้อหาอย่างนึง เหมือนกับนักข่าวที่เขียนใต้เตียงดารา (มันไม่มีประโยชน์เอาซะเลย)
3. Tell them what you told them “บทสรุปสุดสตรอง”
มาถึงส่วนของบทสรุป เพื่อเตือนความจำ ทบทวนอีกครั้งถึงสิ่งที่คนอ่านได้อ่านไปแล้ว เขาได้อะไรไปบ้าง เนื้อหาควรอ้างอิงถึงปัญหาที่กล่าวถึงในบทนำ ส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องยาว แค่หนึ่งหรือสองย่อหน้าก็เพียงพอ
สรุปพอให้เข้าใจว่าเราควรจะต้องเน้นทำอะไรก่อนหลัง เพื่อให้คนอ่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
สรุปพอให้เข้าใจว่าเราควรจะต้องเน้นทำอะไรก่อนหลัง เพื่อให้คนอ่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
4. Tell them what to do next “Call to action”
เป็นหน้าที่ของนักเขียนเสมอที่จะบอกผู้อ่านว่า…พวกเขาต้องทำอะไรต่อไป หากพวกเขาใช้เวลาว่างจากตารางงานที่ยุ่งเหยิงของพวกเขามาอ่านคอนเทนต์ที่คุณบรรจงเขียนขึ้นมา ก็ควรตอบแทนเขาด้วยการบอกถึงสิ่งที่ควรทำในขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตามนักเขียนไม่สามารถคาดหวังให้ผู้อ่านบริโภคบทความจนจบและซาบซึ้งจนเริ่มคลิกไปที่เว็บไซต์เพื่อซื้อสินค้าหรือดาวน์โหลดอะไรบางอย่างที่สร้างเงินให้กับบริษัท แต่!!!สิ่งที่ผู้อ่านต้องการคือทิศทางและคำแนะนำ เพื่อจะทำในสิ่งที่เขาพึ่งได้อ่านจบไปให้เป็นจริงได้
ยุคนี้ความง่ายและเร็วยังเป็นหัวใจสำคัญของคอนเท้นเพื่อการตลาด คุณอาจลองแหวกแนวและกลับสู่ความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง อย่างที่ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน ซึ่งหลักการ ‘K-I-S-S’ (Keep It Simple Stupid) นี้ที่เราได้เอามาเล่าก็นับเป็นสูตรสำเร็จที่ดีสำหรับการผลิตคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกโพสต์หรือคอนเทนต์ยากๆ ก็ตาม…
ที่มา : brandbuffet
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น